17 JUN 2024 บทความผลิตภัณฑ์ 4 นาทีในการอ่าน 1181 VIEWS 30 แชร์

เรตินอลคืออะไร ใช้อย่างไรให้ได้ผล

ริ้วรอยมากแค่ไหนก็ไม่หวั่นถ้ามีเรตินอล! แต่การใช้เรตินอลอาจทำให้ผิวระคายเคืองได้ เพราะเป็นสารที่มีฤทธิ์ผลัดเซลล์ผิวรุนแรง หากกังวล อาจเลือกใช้เรตินอลจากธรรมชาติแทน

เรตินอล คืออะไร

เรตินอล คือ อนุพันธ์ของวิตามินเอ ที่มีคุณสมบัติช่วยดูแลผิวได้แบบลึกลงถึงระดับชั้นหนังแท้1 เรตินอลจึงช่วยทั้งผลัดเซลล์ผิว ลดการอุดตัน กระชับรูขุมขน ลดริ้วรอย และเพิ่มการผลิตคอลลาเจนใต้ชั้นผิวหนัง ส่งผลให้สิวลดลง ปรับผิวให้เรียบเนียน ริ้วรอย ฝ้า และจุดด่างดำจางลง1 ด้วยเหตุนี้ จึงทำให้ปัจจุบันมีการนำเรตินอลไปเป็นส่วนผสมในผลิตภัณฑ์ดูแลผิวในรูปแบบต่างๆ ทั้งเรตินอลเซรั่ม เรตินอลเจล เรตินอลโลชั่น หรือเรตินอลครีม2

เรตินอลจากธรรมชาติ

เรตินอลจากธรรมชาติ

ปกติแล้วเรตินอลเป็นสารที่พบได้ในธรรมชาติ ไม่ก่อให้เกิดความระคายเคือง ซึ่งหนึ่งในแหล่งที่มีการพบสารเรตินอล คือ แครนเบอร์รี่ ผลไม้สีแดง อุดมไปด้วยวิตามินซี ที่ช่วยกระตุ้นการสร้างสารต้านอนุมูลอิสระ3 และกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน ช่วยชะลอความเสื่อมของเซลล์4 นอกจากนี้ แครนเบอร์รี่ยังช่วยเพิ่มความกระจ่างใส และลดเลือนริ้วรอย โดยไม่ก่อให้เกิดผลข้างเคียงรุนแรงกับผู้ใช้อีกด้วย

ประโยชน์ของเรตินอล

ประโยชน์ของเรตินอล

เรตินอล ช่วยอะไรบ้าง? เรตินอลมีส่วนช่วยทั้งเรื่องลดเลือนริ้วรอย ช่วยให้ผิวดูอ่อนวัย ลดปัญหาสิว กระชับรูขุมขน และต่อต้านอนุมูลอิสระ 

1. ช่วยลดเลือนริ้วรอย

ปกติแล้วริ้วรอยบนใบหน้าเกิดขึ้นจากผิวที่สูญเสียคอลลาเจน หรืออิลาสตินใต้ชั้นผิว ทำให้ผิวเกิดริ้วรอยตามมา แต่การใช้เรตินอล นอกจากจะช่วยชะลอการสูญเสียคอลลาเจนใต้ชั้นผิวแล้ว2 ยังช่วยให้ผิวกลับมาเรียบเนียน และลดริ้วรอยร่องลึก5 

อย่างไรก็ตาม สตรีมีครรภ์ควรหลีกเลี่ยงการใช้เรตินอล เนื่องจากมีรายงานว่าอาจส่งผลกระทบต่อทารกในครรภ์ ดังนั้น แนะนำให้เลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของสารสกัดที่เทียบเท่าเรตินอลแทน อย่างแครนเบอร์รี ไบโอเปปไทด์ หรือโปรตีนในแครนเบอร์รี ที่มีคุณสมบัติในการลดเลือนริ้วรอย โดยไม่มีผลข้างเคียง พร้อมปรับผิวให้กระจ่างใสอย่างเป็นธรรมชาติ

2. ช่วยให้ผิวดูอ่อนวัย

สาเหตุที่ทำให้เกิดฝ้า หรือจุดด่างดำ คือ แสงแดด ความร้อน และการเพิ่มขึ้นของเมลานิน ส่งผลให้เกิดรอยด่างดำ และจุดสีน้ำตาล ทำให้หลายคนเกิดความไม่มั่นใจ แต่การใช้เรตินอล ซึ่งสามารถซึมลึกลงสู่ชั้นผิว ผลัดเซลล์ผิวที่ตายแล้ว5 กระตุ้นการสร้างคอลลาเจน และอิลาสติน ช่วยให้รอยดังกล่าวจางลง ผิวแลดูอ่อนวัยขึ้น

3. ช่วยรักษาสิว

อีกหนึ่งคุณสมบัติสำคัญของเรตินอล นอกจากช่วยลดการอุดตันในรูขุมขนแล้ว ยังช่วยลดการอักเสบ และแผลเป็นจากสิว ทำให้สิวหายเร็วขึ้น และลดการเกิดสิวในอนาคตด้วย2

4. ช่วยให้รูขุมขนกระชับ 

ปัญหารูขุมขนกว้างถือเป็นปัญหาสำคัญที่แก้ได้ยาก แต่การทาเรตินอลจะช่วยกระตุ้นการไหลเวียนของเลือด และเกิดการสร้างชั้นผิวที่แข็งแรง ทำให้รูขุมขนกระชับ อีกทั้งยังลดการอุดตันของรูขุมขน ต้นเหตุของการเกิดสิว

แต่สำหรับคนที่เป็นกังวลว่าการใช้เรตินอลจะก่อให้เกิดการระคายเคืองอาจเลือกใช้เซรั่มสูตร Vegan ที่มีคุณสมบัติช่วยกระชับรูขุมขน ด้วยส่วนผสมกรดอะมิโน และสารสกัดจากมะกอก ที่เป็นสารต้านอนุมูลอิสระจากพืช

5. ช่วยต้านอนุมูลอิสระ

เรตินอลมีคุณสมบัติเป็นสารต้านอนุมูลอิสระ ที่ช่วยปกป้องเซลล์ผิวจากการทำลายของอนุมูลอิสระ โดยอนุมูลอิสระอาจเกิดขึ้นภายในร่างกาย เช่น จากกระบวนการเผาผลาญอาหาร และที่ได้รับจากปัจจัยภายนอกอย่าง รังสี UV ในแสงแดด ฝุ่น ควัน และมลภาวะ ซึ่งเป็นปัจจัยที่ทำให้เกิดริ้วรอย5

ข้อควรรู้ก่อนใช้เรตินอล

การใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของเรตินอลมีข้อควรระมัดระวัง ดังนี้

  • สตรีที่กำลังอยู่ในระหว่างตั้งครรภ์ หรือให้นมบุตร ควรหลีกเลี่ยงการใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของเรตินอล แต่ถ้าหากต้องการผลลัพธ์ที่ใกล้เคียงกับเรตินอล แนะนำให้เลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของสารสกัดเทียบเท่าเรตินอลแทน จะปลอดภัยกับทารกมากกว่า2
  • หากมีปัญหาสิวรุนแรง หรือโรคผิวหนัง ควรหลีกเลี่ยงการใช้เรตินอล เพราะอาจทำให้เกิดอาการแพ้ หรืออาการระคายเคืองมากขึ้น5
  • สำหรับผู้ที่มีผิวแพ้ง่าย ผิวแห้ง หรืออยู่ในระหว่างการรักษาสิว ควรปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ ศึกษาวิธีใช้เรตินอลอย่างละเอียด และเริ่มใช้ผลิตภัณฑ์เรตินอลที่ความเข้มข้นต่ำ2 เพื่อลดความเสี่ยงเรื่องการระคายเคือง5

ผลข้างเคียงของการใช้เรตินอล

ผลข้างเคียงของการใช้เรตินอล

เนื่องด้วยเรตินอลเป็นสารที่มีความไวต่อแสง และมีคุณสมบัติช่วยผลัดเซลล์ผิว ดังนั้น วิธีทาเรตินอลที่ถูกต้องคือทาในเวลากลางคืน เพื่อป้องกันการระคาย แต่ถ้าหากทาในช่วงเวลากลางวัน ควรหลีกเลี่ยงการออกแดด และทาครีมกันแดด หรือใส่เสื้อผ้ามิดชิด เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดการระคายเคือง2 และผลข้างเคียง ดังนี้

  • ผิวหนังแดง ลอกเป็นขุย หรือเกิดสะเก็ดบนใบหน้า
  • อาการแสบร้อน หรือคัน
  • รอยไหม้แดดบริเวณที่ทาเรตินอล

แต่สำหรับใครที่เป็นกังวลเรื่องผลข้างเคียง อาจเลือกใช้เซรั่มที่มีส่วนผสมของแครนเบอร์รี ไบโอเปปไทด์ ที่มีคุณสมบัติเปรียบเสมือนเรตินอลจากธรรมชาติ มีฤทธิ์ในการลดเลือนริ้วรอยได้ โดยไม่มีผลข้างเคียงเหมือนเรตินอล

วิธีใช้เรตินอลให้ปลอดภัย มีประสิทธิภาพ

เช่นเดียวกับการใช้ผลิตภัณฑ์อื่น หากต้องการให้การใช้เรตินอลมีประสิทธิภาพ และปลอดภัยกับผู้ใช้งาน มีวิธีทาเรตินอลอย่างถูกต้องดังต่อไปนี้

  • การใช้เรตินอลครั้งแรก ควรทดสอบการแพ้ โดยการทาบริเวณข้อพับแขน หรือหลังใบหู ทิ้งไว้ 2–3 วัน ถ้ามีอาการแพ้ ควรหยุดใช้ทันที5
  • ก่อนใช้ ควรล้างหน้าให้สะอาดด้วยผลิตภัณฑ์ที่อ่อนโยน ห้ามขัดผิว และซับหน้าให้แห้ง2
  • ทาผลิตภัณฑ์เรตินอลปริมาณเท่าเมล็ดถั่วเขียวที่ใบหน้า แต่ให้เว้นบริเวณรอบดวงตา รูจมูก และริมฝีปาก
  • หลังจากผลิตภัณฑ์เรตินอลซึมลงสู่ชั้นผิวแล้ว ให้ทามอยส์เจอไรเซอร์ แนะนำให้เลือกใช้มอยส์เจอไรเซอร์ที่ไม่มีส่วนผสมของน้ำมัน หรือสารที่ทำให้อุดตันรูขุมขน5

เรตินอล ใช้ร่วมกับผลิตภัณฑ์บำรุงผิวอื่นได้หรือไม่?

สำหรับคนที่สงสัยว่าเรตินอลสามารถใช้ร่วมกับผลิตภัณฑ์บำรุงผิวอื่นได้หรือไม่ ในความจริง มีหลายชนิดที่ไม่สามารถใช้ร่วมกันได้ เพราะอาจก่อให้เกิดการระคายเคือง ดังนี้

  • เรตินอลห้ามใช้กับกรดที่มีคุณสมบัติช่วยผลัดเซลล์ผิวอย่างวิตามินซี AHA หรือ BHA เพราะอาจก่อให้เกิดการระคายเคือง จึงไม่ควรใช้พร้อมกัน โดยอาจใช้กลุ่มผลัดเซลล์ผิวในช่วงเช้า ส่วนเรตินอลใช้เวลากลางคืนแทน
  • การใช้เรตินอลกับกรดไกลโคลิก (Glycolic acid) มีคุณสมบัติช่วยลดจุดด่างดำ และรอยแผล แต่อาจก่อให้เกิดการระคายเคือง ควรแยกกันใช้คนละช่วงเวลาเช่นเดียวกัน
  • กรดซาลิไซลิก (Salicylic acid) เป็นสารที่ทำให้ผิวแห้ง การใช้ร่วมกับเรตินอลจะส่งผลให้ผิวแห้งกร้าน และเกิดการระคายเคืองได้

สรุป

เรตินอลเป็นอนุพันธ์ของวิตามินเอ ที่สามารถซึมลึกถึงชั้นหนังแท้ ทำให้สามารถแก้ปัญหาผิวได้หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นการช่วยลดสิว ลดริ้วรอย กระชับรูขุมขน กระตุ้นการสร้างคอลลาเจน และเป็นสารต้านอนุมูลอิสระ แต่เนื่องจากการใช้เรตินอลมีโอกาสเกิดการแพ้ อย่างอาการคัน แสบร้อน หรือผิวลอกเป็นขุย ดังนั้น ก่อนใช้ควรทดสอบการแพ้ ศึกษาวิธีทาเรตินอลอย่างถูกต้อง พิจารณาผลิตภัณฑ์ที่สามารถใช้ร่วมกับเรตินอลได้ และที่สำคัญ ควรคำนึงถึงข้อควรระวังต่างๆ โดยเฉพาะสตรีที่กำลังตั้งครรภ์ หรือกำลังให้นมบุตร ที่จำเป็นต้องระวังเป็นพิเศษ แต่ถ้าเป็นกังวลเรื่องผลข้างเคียง สามารถเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่ใช้ส่วนผสมของสารสกัด ที่มีคุณสมบัติคล้ายกับเรตินอล เพื่อช่วยลดความกังวลได้มากขึ้น

Reference

  1. Healthline. How Does Retinol Work on the Skin?. healthline.com. Published 15 March 2023. Retrieved 2 June 2024.

  2. Clevelandclinic. Retinol. my.clevelandclinic.orgv. Retrieved 2 June 2024.

  3. Nsm. เรื่อง แครนเบอร์รี่ตำรับยาจากธรรมชาติ. nsm.or.th. Published 2 December 2021. Retrieved 2 June 2024.

  4. Steptohealth. The Benefits of Cranberries for Your Health. steptohealth.com. Published 12 May 2022. Retrieved 2 June 2024.

  5. Pobpad. เรตินอล ประโยชน์ต่อผิวพรรณและวิธีใช้ให้ปลอดภัย. pobpad.com. Retrieved 2 June 2024.